สวัสดีครับ
ถ้าการตลาดคือการทำให้คน "รู้จัก", การโฆษณาคือการทำให้คน "เห็น", แคมเปญคือการทำให้คน "สนใจ"... เทคนิคการขายก็คือ "ศิลปะ" ในการเปลี่ยนความสนใจทั้งหมดนั้นให้กลายเป็น "ยอดโอน" ที่หน้าแชทครับ
ในฐานะที่ผมเห็นแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ล้มลุกคลุกคลานและประสบความสำเร็จมาตลอด 10 กว่าปี ผมบอกคุณได้เลยว่า สงครามการขายของออนไลน์ในวันนี้ ไม่ได้วัดกันที่ "ราคา" แต่วัดกันที่ "คุณค่า" และ "ความใส่ใจ" ครับ
ลูกค้าไม่ได้ซื้อของจาก "เพจ" แต่เขาซื้อของจาก "คน" ที่เขาไว้ใจ วันนี้ผมจะมอบ "คัมภีร์เทคนิคการขาย" ฉบับสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนคุณจาก "คนขายของ" ให้กลายเป็น "นักแก้ปัญหาที่ลูกค้าอยากอุดหนุน" ครับ
The Ultimate Online Selling Playbook: 3 ด่านสร้างยอดขายแบบยั่งยืน
ด่านที่ 1: ชนะตั้งแต่ก่อนเริ่มคุย (The Invisible Sale)
เทคนิคที่ดีที่สุดคือการทำให้ลูกค้า "ตัดสินใจในใจ" ว่าจะซื้อกับคุณ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะทักแชทเข้ามาเสียอีก
เทคนิค #1: สร้าง "ตัวตน" ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
วิธีทำ: เพจของคุณต้องไม่ใช่แคตตาล็อกสินค้า แต่ต้องเป็น "นิตยสาร" ที่ให้ความรู้และความบันเทิงในเรื่องนั้นๆ (กฎ 80/20) ถ้าคุณขายต้นไม้ 80% ของโพสต์ต้องเป็นการสอนวิธีดูแลต้นไม้, แนะนำปุ๋ย, หรือโชว์สวนสวยๆ อีก 20% จึงค่อยเป็นการขาย สิ่งนี้จะสร้าง "ความน่าเชื่อถือ" และทำให้ลูกค้าเชื่อว่าคุณรู้จริง
เทคนิค #2: ใช้ "เสียงของคนอื่น" ขายของให้คุณ
วิธีทำ: "รีวิว" คืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้ คุณต้อง "ขยัน" โชว์รีวิวดีๆ จากลูกค้าเก่าให้โลกรู้ แคปแชทที่ลูกค้่าชม, รูปที่ลูกค้าส่งมาอวด, หรือคอมเมนต์ดีๆ เอามาทำเป็นคอนเทนต์แล้วปักหมุดไว้บนสุดของเพจเสมอ
เทคนิค #3: จัด "หน้าร้าน" ให้น่าเชื่อถือ
วิธีทำ: รูปโปรไฟล์และรูปปกเพจต้องคมชัด, ข้อมูลติดต่อ (เบอร์โทร, ที่อยู่) ต้องชัดเจน, รูปสินค้าทุกรูปต้องสวยงามและถ่ายเอง (ไม่ไปเอารูปคนอื่นมา) ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ คือสิ่งที่สร้าง "ความไว้วางใจ" แรกเห็น
ด่านที่ 2: ปิดการขายในแชทอย่างมีศิลปะ (The Art of the Chat)
เมื่อลูกค้าทักแชทมา นั่นคือเวลาของการแสดงครับ
เทคนิค #4: "ละลายพฤติกรรม" ใน 3 ประโยคแรก
วิธีทำ: อย่าใช้บอทตอบ! จงเป็นมนุษย์ เริ่มต้นด้วยการ "เรียกชื่อ" เขาเสมอ ("สวัสดีครับคุณสมชาย ยินดีให้บริการครับ") และใช้ "อิโมจิ" ที่เป็นมิตร 😊 เพื่อลดความเป็นทางการ สิ่งนี้จะทลายกำแพงลงทันที
เทคนิค #5: สวมบท "นักสืบ" ไม่ใช่ "คนขาย"
วิธีทำ: อย่าเพิ่งรีบเสนอสินค้า แต่ให้ถามคำถามเพื่อ "วินิจฉัย" ปัญหาของเขาก่อนเสมอ (เทคนิค 5 Whys) "ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าอยากได้...ไปใช้แก้ปัญหาอะไรเป็นพิเศษครับ?" "ปกติเคยใช้อะไรมาก่อนแล้วเจอปัญหาอะไรบ้างครับ?" เมื่อคุณเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของเขา คุณจะสามารถแนะนำสินค้าที่ "ใช่" ที่สุดได้
เทคนิค #6: "ขายความรู้สึก" ไม่ใช่ "ขายคุณสมบัติ"
วิธีทำ: ใช้เทคนิค "สะพานเชื่อมความรู้สึก" ที่เราเคยคุยกัน อย่าบอกว่า "ครีมนี้มีวิตามินซี" แต่ให้บอกว่า "ครีมตัวนี้จะช่วยให้ผิวคุณลูกค้าดูกระจ่างใสขึ้น จนเพื่อนต้องทักเลยครับ" เชื่อมโยงสิ่งที่สินค้า "ทำได้" ไปสู่ "ความรู้สึกดีๆ" ที่ลูกค้าจะได้รับเสมอ
เทคนิค #7: ปิดท้ายอย่าง "นุ่มนวล"
วิธีทำ: เมื่อตอบทุกคำถามแล้ว ให้ใช้ "คำถามให้เลือก" ("สะดวกรับเป็น 1 ชิ้น หรือรับเป็นเซ็ตโปรโมชั่นสุดคุ้มเลยดีครับ?") หรือ "ประโยคสมมติ" ("ถ้าไม่มีคำถามแล้ว เดี๋ยวผมสรุปยอดให้เลยนะครับ") เพื่อช่วยนำทางเขาไปสู่การตัดสินใจ
ด่านที่ 3: เปลี่ยนลูกค้าให้เป็น "แฟนคลับ" (The After-Sale Wow)
การขายที่แท้จริงเริ่มต้น "หลัง" จากที่ลูกค้าโอนเงินแล้ว
เทคนิค #8: สร้าง "ประสบการณ์แกะกล่อง" ที่น่าจดจำ
วิธีทำ: ลงทุนกับแพ็กเกจจิ้งที่สวยงามและปลอดภัย ใส่ของแถมเล็กๆ น้อยๆ และที่สำคัญที่สุดคือ "การ์ดขอบคุณที่เขียนด้วยลายมือ" สิ่งนี้คือ "ลายเซ็น" ที่สร้างความแตกต่างและทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษอย่างสุดซึ้ง
เทคนิค #9: "ติดตามผล" อย่างห่วงใย
วิธีทำ: หลังจากลูกค้าได้รับของแล้ว 3-5 วัน ให้ทักไปถามสั้นๆ ว่า "สวัสดีครับคุณสมชาย ได้รับสินค้าแล้วใช่ไหมครับ ลองใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ติดขัดตรงไหนให้ผมช่วยดูแลไหมครับ" นี่ไม่ใช่การตามไปขายของ แต่คือการแสดง "ความรับผิดชอบ" และ "ความใส่ใจ"
เทคนิค #10: มอบสิทธิพิเศษให้ "คนพิเศษ"
วิธีทำ: ใช้ LINE OA ในการบรอดแคสต์โปรโมชั่นลับ หรือสิทธิพิเศษสำหรับ "ลูกค้าเก่าเท่านั้น" ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนวงใน (VIP) และอยากจะกลับมาอุดหนุนคุณอีกเรื่อยๆ
กฎเหล็กข้อสุดท้าย:
เทคนิคทั้งหมดนี้จะไร้ความหมายถ้าปราศจาก "ความจริงใจ" ครับ จงขายของที่คุณเชื่อมั่น, จงบริการลูกค้าเหมือนที่คุณอยากให้คนอื่นบริการคนที่คุณรัก, และจงซื่อสัตย์เสมอ
เมื่อคุณทำได้แบบนี้ คุณจะไม่ได้แค่ "ยอดขาย" แต่คุณจะได้ "สินทรัพย์" ที่ล้ำค่าที่สุดในการทำธุรกิจ นั่นคือ "ความไว้วางใจจากลูกค้า" ครับ ขอให้มีความสุขกับการขายของออนไลน์นะครับ!