สวัสดีครับ
นี่คือภาพที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจยุคดิจิทัล การตลาดออนไลน์ไม่ใช่แค่การยิงแอด, การโพสต์โซเชียล, หรือการจ้างอินฟลูฯ... ทั้งหมดนั้นเป็นเพียง "ยุทธวิธี" (Tactics) ครับ แต่ "กลยุทธ์" (Strategy) คือการ "วางแผนการรบ" ทั้งระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกกิจกรรมที่เราทำจะส่งเสริมกันและนำไปสู่เป้าหมายทางธุรกิจที่แท้จริง
ในฐานะที่ผมเห็นภาพรวมตลาดดิจิทัลในไทยมาตลอด 10 กว่าปี และมองจากบริบทปัจจุบัน ณ วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2025 นี้ ผมจะกางแผนที่ "กลยุทธ์การตลาดออนไลน์" ที่สมบูรณ์แบบและพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในตลาดประเทศไทยให้คุณเห็นภาพชัดเจนที่สุดครับ
เราจะใช้ Framework การเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุด นั่นคือ SEE -> THINK -> DO -> CARE
โมเดลกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ "See-Think-Do-Care"
ลองนึกภาพว่านี่คือ 4 ขั้นตอนในการเปลี่ยน "คนแปลกหน้า" ให้กลายเป็น "แฟนคลับ" ของแบรนด์คุณ
Phase 1: ทำให้เห็น (SEE) - สร้างตัวตนให้โลกรู้
เป้าหมาย: สร้างการรับรู้ (Awareness) ในวงกว้างที่สุด ให้คนที่ "ยังไม่รู้จักเรา" และ "ยังไม่ได้อยากซื้อ" ได้เห็นเราผ่านตา
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มเป้าหมายที่กว้างที่สุดเท่าที่ยังเกี่ยวข้อง (Broad Audience)
สารที่ต้องสื่อสาร: เน้นความบันเทิง, สร้างแรงบันดาลใจ, ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ หรือแก้ปัญหาในภาพกว้าง (ห้ามขายของเด็ดขาด!)
ช่องทางและเครื่องมือที่ต้องใช้:
TikTok: คือราชาแห่งยุคนี้ในการสร้าง Awareness! ทำคลิปวิดีโอสั้นที่สนุก, ตามกระแส, หรือให้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว
Influencer Marketing (Mega/Macro): จ้าง Influencer เบอร์ใหญ่ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก เพื่อ "ประกาศ" การมีตัวตนของเราออกไปในวงกว้าง
Facebook/Instagram Video Ads (Objective: Reach/Awareness): ยิงแอดวิดีโอเพื่อเน้นการเข้าถึงคนจำนวนมากในราคาที่ถูกที่สุด
YouTube Ads: ใช้โฆษณาแบบสั้นๆ (Bumper Ads) หรือแบบกดข้ามได้ (Skippable Ads) เพื่อให้คนเห็นเราผ่านตาบ่อยๆ
ตัวอย่าง: แบรนด์ขายอุปกรณ์กาแฟ อาจทำคลิป TikTok "3 วิธีทำกาแฟง่ายๆ ที่บ้าน" โดยยังไม่พูดถึงสินค้าของตัวเองเลย
Phase 2: ทำให้คิด (THINK) - เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็น "ว่าที่ลูกค้า"
เป้าหมาย: กระตุ้นความสนใจ (Consideration) และสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้คนที่ "เริ่มสนใจ" ในสินค้าประเภทเดียวกับเรา หันมาพิจารณาแบรนด์เราเป็นหนึ่งในตัวเลือก
กลุ่มเป้าหมาย: คนที่เริ่มค้นหาข้อมูล หรือคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเราในเฟส SEE
สารที่ต้องสื่อสาร: ให้ข้อมูลเชิงลึก, เปรียบเทียบให้เห็นจุดเด่น, รีวิวการใช้งาน, สร้างความเชี่ยวชาญ (เริ่มให้ข้อมูล แต่ยังไม่ยัดเยียดการขาย)
ช่องทางและเครื่องมือที่ต้องใช้:
Content Marketing & SEO: เขียนบทความลงเว็บไซต์ในหัวข้อที่ลูกค้ากำลังค้นหา เช่น "วิธีเลือกเครื่องบดกาแฟสำหรับมือใหม่", "รีวิวเครื่องชงกาแฟ 5 รุ่นยอดนิยม" แล้วทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google
Facebook Community Group: สร้างกลุ่มสำหรับ "คนรักกาแฟ" เพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้และสร้างตัวตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ
Influencer Marketing (Micro): ทำงานกับ Influencer เฉพาะทางที่มีความน่าเชื่อถือสูง ให้ทำรีวิวสินค้าของเราอย่างละเอียด
Retargeting Ads: ยิงโฆษณา "อีกครั้ง" ไปหาคนที่เคยดูวิดีโอของเราในเฟส SEE หรือเคยเข้าเว็บไซต์ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ตัวอย่าง: ยิงแอดบทความ "5 ข้อต้องรู้ก่อนซื้อเครื่องชงกาแฟเครื่องแรก" ไปหาคนที่เคยดูคลิป TikTok ของเรา
Phase 3: ทำให้ซื้อ (DO) - ปิดการขายให้คม
เป้าหมาย: ปิดการขาย (Conversion) เปลี่ยน "ว่าที่ลูกค้า" ให้กลายเป็น "ลูกค้าตัวจริง"
กลุ่มเป้าหมาย: คนที่มีความต้องการซื้อสูงมาก (High Intent) เช่น คนที่ทักแชท, เพิ่มสินค้าลงตะกร้า, หรือค้นหาคำว่า "ซื้อ..."
สารที่ต้องสื่อสาร: ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้! (โปรโมชั่น, ส่วนลด, ของแถม, ส่งฟรี) และคำสั่งที่ชัดเจน (Call-to-Action)
ช่องทางและเครื่องมือที่ต้องใช้:
Google Search Ads: ซื้อคีย์เวิร์ดเชิงพาณิชย์ เช่น "ซื้อเครื่องบดกาแฟ ราคา", "โปรโมชั่นเครื่องชงกาแฟ"
LINE OA & Messenger: นี่คือช่องทางปิดการขายที่สำคัญที่สุดของคนไทย! ใช้แอดมินพูดคุย, ตอบคำถาม และส่งลิงก์ชำระเงินโดยตรง
Facebook/IG Ads (Objective: Conversion/Messages): ยิงแอดที่กระตุ้นให้เกิดการ "ทักแชท" หรือ "สั่งซื้อบนเว็บไซต์"
E-commerce Ads (Shopee/Lazada Ads): หากมีร้านในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ต้องลงโฆษณาเพื่อแย่งชิงพื้นที่
Cart Abandonment Retargeting: ยิงแอดไปหาคนที่ "เพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่จ่ายเงิน" พร้อมมอบส่วนลดพิเศษเพื่อกระตุ้นให้กลับมาซื้อ
ตัวอย่าง: ยิงแอดโปรโมชั่น "ซื้อเครื่องชงกาแฟวันนี้ แถมฟรีเมล็ดกาแฟ Premium" ไปหาคนที่เคยคลิกอ่านบทความรีวิวของเรา
Phase 4: ทำให้รัก (CARE) - เปลี่ยนลูกค้าให้เป็น "แฟนคลับ"
เป้าหมาย: รักษาลูกค้าเก่าและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ (Retention & Advocacy) เพราะการหาลูกค้าใหม่แพงกว่าการรักษาลูกค้าเก่า 5 เท่า!
กลุ่มเป้าหมาย: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าของเราไปแล้ว
สารที่ต้องสื่อสาร: คุณคือคนพิเศษ, เรายังใส่ใจคุณอยู่เสมอ
ช่องทางและเครื่องมือที่ต้องใช้:
LINE OA / CRM: คือหัวใจของเฟสนี้! บรอดแคสต์โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า, ส่งการ์ดสะสมแต้ม, หรืออวยพรวันเกิด
Facebook Group (Exclusive for Customers): สร้างกลุ่ม VIP สำหรับลูกค้าเก่าเพื่อให้สิทธิพิเศษก่อนใคร
Email Marketing: ส่ง Newsletter ที่มีประโยชน์ หรือเทคนิคการดูแลรักษาสินค้า
User-Generated Content (UGC) Campaign: จัดแคมเปญให้ลูกค้าโพสต์รีวิวสินค้าเพื่อแลกของรางวัล เป็นการกระตุ้นการบอกต่อที่ดีที่สุด
ตัวอย่าง: ส่งข้อความผ่าน LINE OA ว่า "สำหรับลูกค้าคนพิเศษ! รับส่วนลด 20% สำหรับการซื้อเมล็ดกาแฟครั้งถัดไป"
บทสรุปของกลยุทธ์:
การตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่การทำแค่เฟสใดเฟสหนึ่ง แต่คือการวางแผนให้ทั้ง 4 เฟสนี้ทำงานสอดประสานกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณดูแลลูกค้าในเฟส CARE อย่างดี เขาก็จะกลายเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยคุณหาลูกค้าใหม่ในเฟส SEE เกิดเป็นวงจรที่เรียกว่า "Flywheel" ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนครับ
นี่คือแผนการรบทั้งหมด ขอให้คุณนำไปปรับใช้และคว้าชัยชนะในสนามการตลาดดิจิทัลนะครับ!